วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

มารยาทในการแต่งกายเข้างานวิวาห์


มารยาทในการแต่งกาย เมื่อต้องเป็นส่วนหนึ่งของงานวิวาห์
ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร I DO PLUS 

ปัจจุบันงานวิวาห์ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับธีมงาน ความสนุกสนาน และองค์ประกอบของงานเลี้ยงให้สมบูรณ์แบบน่าประทับใจ จนหลงลืมวัฒนธรรมด้านการแต่งกายอันถูกต้องเหมาะสมในการมาร่วมงานวิวาห็ ไม่ว่าจะเป็นตัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเอง หรือแขกที่มาร่วมงาน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่จะแต่งกายอย่างไรให้เหมาะสมกับการมาเป็นส่วนหนึ่งของงานแต่งงาน ในเรื่องนี้เราได้พี่อุ๋ย อภิชติ ชา-ติวานนท์ เจ้าของห้องเสื้อชื่อดัง “Peter kelly” ที่บ่าวสาวคนดังหลายคู่ต่างให้ความไว้วางใจในการออกแบบชุดแต่งงานที่เหมาะสม จะบอกเล่าถึงความถูกต้องในการแต่งกายเมื่อต้องเป็นส่วนหนึ่งของงานแต่งงานให้เราได้เข้าใจอย่างถ่องแท้
การแต่งกายของบ่าวสาว
แรกทีเดียวคงต้องเริ่มจากการแต่งตัวของเจ้าบ่าวให้สมฐานะก่อน เพื่อไม่ให้ดูด้วยกว่าเจ้าสาว ที่มักจะพิถีพิถันเลือกชุดแต่งงานที่เหมาะสมมาใส่ในงานเลี้ยงอยู่แล้ว อย่างเจ้าสาวบางคนใส่ชุดแต่งงานเพื่อต้องการภาพลักษณ์ที่ดูเป็นเจ้าหญิง ถ้าเจ้าบ่าวเลือกสูทที่มันดูเชยๆ ไม่สมตัวมาใส่ แบบนี้เจ้าบ่าวก็จะดูด้อยกว่าเจ้าสาวมาก ดังนั้นควรใส่ใจที่จะขอคำปรึกษาจากดีไซเนอร์เพื่อให้ช่วยเลือกแบบชุดที่ดูเท่าเทียมกัน น่าจะเหมาะสมกว่าการคิดเองเลือกเอง
ที่สำคัญในการเลือกชุดแต่งงานของเจ้าบ่าว ก็ต้องเลือกให้เข้ากับบุคลิกของเจ้าบ่าวด้วย เช่น เจ้าบ่าวบางคนคิดว่าการสวมสูทสีขาวเพื่ออยากดูเท่ห์ ดูโก้หรู ซึ่งจริงๆ แล้วสูทสีขาวนั้นไม่ได้เหมาะกับผู้ชายทุกคนนะครับ อย่างเจ้าบ่าวที่หน้าตาธรรมดาๆ ไม่มีจุดเด่นอะไร เช่น คิ้วไม่เข้ม ให้ใส่สูทสีขาวก็คงไม่เหมาะ หรือว่าเจ้าบ่าวทีรูปร่างเล็ก แนะนำให้เจ้าบ่าวใส่สีอ่อน แต่ถ้าเจ้าบ่าวและเจ้าสาวรูปร่างเล็กทั้งคู่แนะนำให้เจ้าบ่าวใส่สีอ่อนเช่นกัน หรือจะใส่สีขาวก็ได้นะครับ ถ้าเจ้าบ่าวคิ้วเข้มพอ หรือในกรณีที่เจ้าวสาวผิดเข้มกว่าเจ้าวบ่าว ไม่แนะนำให้ใส่สีขาว แต่น่าจะเลือกสวมชุดสีเทาอมเบท ในกรณีที่เจ้าบ่าวตัวใหญ่กว่าเจ้าสาวมากๆ ก็ไม่แนะนำให้ใส่สีดำ เพราะอาจจะเผลอคิดไปว่าจะช่วยพรางรูปร่างได้ ควรเลือกชุดสูทสีเทาอมเบทแทน เพื่อที่จะให้การเลือกสีของเสื้อผ้าช่วยให้เกิดเฉดสีหรือการสร้างให้เกิดแสงเงาระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาวแทน 
นอกจากนี้ถ้าเจ้าบ่าวตัวเล็กกว่าเจ้าสาวให้เจ้าบ่าวเลือกสวมสูทสีเบท เทาอมเบท หรือสีอ่อนจะดีกว่า ส่วนเจ้าสาวให้สวมเสื้อแบบลดบ่าลงมาจะช่วยให้การแต่งตัวดูเท่าเทียมกันมากขึ้น อีกกรณีหนึ่งก็คือถ้าเจ้าบ่าวหล่อมากเกินปริมาณความสวยของเจ้าสาวล่ะก็ เจ้าบ่าวก็ควรให้เกียรติเจ้าสาวด้วยการไม่ใส่สูทสีขาว เพราะจะทำดูหล่อมากเกินไป และเจ้าสาวจะดูด้อยลงไปทันที ละถ้าเจ้าบ่าวและเจ้าสาวตัวเท่าๆกัน สวยหล่อสมกันแบบนี้สวมดีอะไรก็ได้ครับ ไม่มีปัญหา
“นอกเหนือจากการเลือกชุดแต่งงานให้สมกับฐานะและเลือกให้เข้ากับบุคลิกของตัวเองแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเลือกชุดแต่งงานก็คือ รูปแบบการแต่งงาน ถ้าเป็นงานแบบเอ้าท์ดอร์คู่บ่าวสาวก็ไม่ควรแต่งตัวที่ดูหรูหราจนเกินไปนัก ยกเว้นว่างานนั้นจะเลือกจัดเลี้ยงในแบบ Sit-down Dinner ที่ต้องการความหรูหราและเป็นทางการ หรือถ้าจะจัดงานเลี้ยงในห้องบอลรูมก็ไม่ควรแต่งตัวที่มันดูสบายๆจนเกินไปนัก เพราะจะไม่เข้ากับบรรยากาศของห้องจัดเลี้ยง อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือ หากคุณเลือกจัดงานแบบเอ้าท์ดอร์ หรือจัดงานในห้องจัดเลี้ยงที่มีลักษณะซีทรู หรือแบบห้องที่มีกระจกใสๆ สามารถมองเห็นได้จากข้างนอกที่เป็นสวนละก็ ไม่ควรจะใส่ชุดแต่งงานที่เป็นสูทสีดำหรือเข้มๆ เพราะมันจะทำให้เห็นแต่หัวของเจ้าบ่าวลอยเด่นอยู่ ซึ่งจะให้ให้เสียบุคลิกและไม่โดดเด่น ดังนั้นคุณเจ้าบ่าวควรเลือกชุดสีอ่อน เพื่อให้ดูโดดเด่นและเป็นที่สังเกตเห็นได้ง่าย” 
ดังนั้นการเลือกชุดแต่งงานสำหรับเจ้าบ่าว จึงมีข้อที่ควรคำนึงถึงอยู่3ข้อใหญ่ด้วยกัน ก็คือ
1.ดูบุคลิกว่าเราเหมาะกับชุดแบบไหน สีอะไร
2.ดูว่าเราจัดงานที่ไหน เพื่อเลือกชุดให้เหมาะกับสถานที่นั้นๆ
3.รูปแบบงานเลี้ยงเพื่อจะได้ดูว่าชุดต้องดูหรูหราสง่างามแค่ไหน เพื่อให้เหมาะกับงานเลี้ยงมากที่สุด 
“อยากให้เข้าใจว่า งานเลี้ยงฉลองแต่งงานเป็นงานที่สำคัญ เป็นงานที่ทุกคนต้องเข้าสังคม ดังนั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวควรแต่งกายเพื่อให้เกียรติตัวเอง และผู้ที่มาร่วมงานทุกคนให้มากที่สุด จึงถือว่าเป็นผู้ที่มีมารยาทในการแต่งกายเข้าสังคม”
การแต่งกายของครอบครัวฝ่ายเจ้าภาพ
“ในส่วนของพ่อแม่ญาติพี่น้องของบ่าวสาว ซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายของเจ้าภาพก็ควรที่จะดูแลและใส่ใจในการเลือกเครื่องแต่งกาย หรือชุดที่จะสวมใส่ในงานวิวาห์ด้วย เพราะแขกที่มาร่วมงานจำนวนหนึ่งในนั้นคือคนที่คุณรู้จักจึงควรแต่งกายเพื่อให้เกียรติแก่แขกและคู่บ่าวสาว ดังนั้นควรแต่งกายให้ดูดีให้สมฐานะ สมหน้าสมตาบ่าวสาว จึงจะถือว่าเหมาะสม” 
การแต่งกายของแขกที่มาร่วมงาน
“เมื่อคู่บ่าวสาว และเจ้าภาพของทั้งสองฝ่ายพิถีพิถันในการแต่งกาย เพื่อให้เกียริตกับแขกเหรื่อที่มาร่วมในงานเลี้ยงแล้ว แขกที่มาร่วมงานเอง ก็จะต้องแต่งกายให้เกียรติแก่คู่บ่าวสาวด้วยเช่นกัน ซึ่งคงต้องยอมรับว่าสังคมไทยเราได้รับเอาวัฒนธรรมฝรั่งในเรื่องของการแต่งงานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตจนปฏิบัติกันอย่างเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพิธีการต่างๆ รูปแบบการตกแต่งงานเลี้ยง ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่เรากลับรับเอาวัฒนธรรมเหล่านั้นมาไม่ครบ เพราะเราไม่ได้รับเอาวัฒนธรรมส่วนที่ดีๆ ในเรื่องการแต่งกายมาด้วย ที่บอกอย่างนั้นก็เพราะว่าจากประสบการณ์ของเรานั้นแขกที่มาร่วมงานมักจะไม่กล้าแต่งตัวเกินหน้าเจ้าบ่าวเจ้าสาว เพราะกลัวจะเด่นเกินไปบ้างหรือไปขโมยซีนเจ้าบ่าวเจ้าสาวบ้าง ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด ทำให้บางครั้งการเลือกเครื่องแต่งกายมาสวมใส่เพื่อไปร่วมงานแต่งงานมันจึงดูด้อยกว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวและสไตล์งานเลี้ยงที่ค่อนข้างหรูหรามาก เมื่อเกิดความรู้สึกอย่างนี้ขึ้น เราจึงควรพิจารณาถึงการแต่งกายของเราใหม่ให้เหมาะกับเวลาและสถานที่ เพราะตามวัฒนธรรมของฝรั่งเขาถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติเจ้าของงานแต่ง เพราะจะสังเกตว่าถ้าเป็นงานฉลองวิวาห์ของฝรั่งเข้าจะแต่งตัวกันเต็มที่ ชุดออกแบบอย่างดี ใช้ผ้าอย่าดี ตัดเย็บอย่างดีมาร่วมงาน เพราะเขาถือว่าการแต่งตัวดีเทียบเท่าเจ้าบ่าวเจ้าสาว คือการให้เกียรติแก่เจ้าภาพ และตัวของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเอง”
“ในเรื่องของการแต่งตัวเพื่อออกงานสังคมนั้น เราอยากให้ทุกคนได้ไปศึกษาในวัฒนธรรม การเข้าสังคมหรือร่วมงานเลี้ยงของฝรั่งกันดู อาจจะดูจากภาพยนตร์ในช่วงปี 1945-1946 มาดู หรือดูจากแมกกาซีนฝรั่งก็ได้ ซึ่งจะพบว่าทุกคนที่มาร่วมงานจะแต่งตัวได้หรูหราเทียบเท่ากันทุกคน ซึ่งถือเป็นการแต่งกายที่เหมาะสมทั้งในเรื่องของเวลาและสถานที่ด้วย”
พี่อุ๋ยเสริมในตอนท้ายว่า “อยากให้คนไทยทุกคนศึกษาเรื่องการแต่งกายกันใหม่ ทุกวันนี้เราค่อนข้างหลงทางในเรื่องของการแต่งกายกันมาก อย่ามองว่าการแต่งกายที่ผิดมารยาทแบบเดิมๆ เป็นเรื่องที่ถูก ควรแต่งกายให้เกียรติสถานที่ และเจ้าภาพให้มาก เพราะเมื่อภาพรวมในเรื่องของการแต่งกายดูเหมาะสมแล้ว ภายในงานก็จะดูดี ดูสวยงามอย่างลงตัวด้วยครับ” 
เมื่อเข้าใจแบบนี้แล้ว งานวิวาห์ที่แสนหรูหรา ก็คงจะมีแต่ภาพสวยๆของคนสวยๆหล่อๆที่แต่งกายอย่างงดงาม มาร่วมงานให้สบายใจสบายตาอย่างแน่นอน..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น